เทคนิคการเปลี่ยนสีผมไม่ให้ซ้ำซากจำเจ
30 Jun 2017
สำหรับคนที่รักการเปลี่ยนสีผมเป็นชีวิตจิตใจ วันนี้แอดมินขอนำเสนอเทคนิคการไล่เฉดสีผมให้ดูมีมิติแบบต่างๆมานำเสนอ ทำให้สีผมของสาวๆเอมิตี้ดูโดด เด่น สวยแรง มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง
- Ombre มาจากภาษาฝรั่งเศษ แปลว่าเงา
แต่เมื่อนำมาใช้กับการทำสีผมจะหมายถึง การทำสีผมแบบไล่เฉดจากโทนเข้มไปอ่อนเป็นการย้อมสีผมให้ส่วนด้านล่างของผมมีสีสว่างกว่าด้านบน การที่จะมีสีผมแบบนี้ได้จำเป็นต้องฟอกสีผมส่วนล่าง ถ้าสาวๆเอมิตี้อยากป้องกันไม่ให้สีผมเป็นสีออกเหลืองหรือส้มหลังจากการฟอกผม ก็สามารถย้อมสีที่ปลายผมหลังจากที่ฟอกมันแล้วได้เลย
- Sombre เป็นการทำสีแนวใหม่มาแทนที่ Ombre จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงความต่างของสีอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่โคนผม สีผมจะดูเรียบเนียน และจะมีสีไม่เกิน2โทน จุงทำให้สีมีความหวาน นุ่มนวลและดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
- Splashlight ก็คือการสาดแสงกลางเส้นผมของคุณ
ให้ส่องประกายราวกับมีเงาของแสงแดดจากที่ไหนสักแห่ง พาดผ่านเส้นผมของคุณอยู่ตลอดเวลา ใครที่มีผมสีเข้มแนะนำว่าให้เลือกสีที่ตัดกับผมตัวเองสุดๆ แต่ถ้าใจยังไม่กล้าพอ อาจจะเลือกสี Splashlight ให้เป็นโทนสีอ่อนกว่าสีผมจริงสัก 2-3 ระดับขึ้นไป โดยการทำสีผม Splashlight นั้น แนะนำว่าควรทำเป็นแนวนอนขนาดใหญ่เล็กน้อย พาดเฉียงจากบนลงล่างตามแนวแสงสาดส่อง ยิ่งถ้าสาวคนไหนผมยาวอยู่แล้วยิ่งเหมาะ แต่จริงๆ ผมสั้นก็สามารถทำได้เหมือนกันนะยูวววว
ให้ส่องประกายราวกับมีเงาของแสงแดดจากที่ไหนสักแห่ง พาดผ่านเส้นผมของคุณอยู่ตลอดเวลา ใครที่มีผมสีเข้มแนะนำว่าให้เลือกสีที่ตัดกับผมตัวเองสุดๆ แต่ถ้าใจยังไม่กล้าพอ อาจจะเลือกสี Splashlight ให้เป็นโทนสีอ่อนกว่าสีผมจริงสัก 2-3 ระดับขึ้นไป โดยการทำสีผม Splashlight นั้น แนะนำว่าควรทำเป็นแนวนอนขนาดใหญ่เล็กน้อย พาดเฉียงจากบนลงล่างตามแนวแสงสาดส่อง ยิ่งถ้าสาวคนไหนผมยาวอยู่แล้วยิ่งเหมาะ แต่จริงๆ ผมสั้นก็สามารถทำได้เหมือนกันนะยูวววว
- Balayage มันคือการทำไฮไลท์สีผมนั่นเอง แต่จะทำให้เป็น 3 สีขึ้นไป คือ สีพื้น สีกลาง และสีอ่อน โดยใช้การเล่นสีผมแบบไล่เฉดสีตั้งแต่เข้ม กลาง จนไปถึงปลายผมให้ออกสีสว่าง เมื่อสยายผมออกมาแล้วจะดูไม่แบนเหมือนการทำสีผมสีเดียว ผมจะดูหนาและดูนุ่มมากขึ้น มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศษ เทคนิคนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นในปี 1970 และเป็นวิธีการนำมือข้างที่ว่างจากการลงสีมาใช้แทนการใช้ฟอยล์ หรือ อุปกรณ์อื่นๆ และอีกอย่าง มันก็เป็นการใช้ " ต้นทุนต่ำ " เพราะจุดเริ่มต้นของมัน ไม่ได้เริ่มต้นจากโคนของเส้นผม และเมื่อทำเสร็จแล้วก็ไม่ต้องทำซ้ำ เป็นประจำก็ได้ สำหรับเทคนิคนี้ผมสั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรจะเป็นผมที่ยาวตั้งแต่ระดับไหล่ของคุณลงไป การทำ Balayage สามารถใช้ร่วมกับ Ombre ได้และให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ เพื่อให้เส้นผมของคุณดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
- Flame Balayage ลักษณะจะคล้ายกับการทำบารายาจ จะแตกต่างตรงที่จะลากแนวเส้นเป็นลักษณะตัว V จากบนลงมาด้านล่างของปลายผม ทำให้สีผมดูมีเส้นสายที่อ่อนโยนมากกว่าการทำบารายาจ
- Blur เป็นการไล่เฉดสีผม 2สี ระหว่างสีเข้มกับสีสว่างและสีที่ผสมกันระหว่างสีเข้มกับสีสว่างนั้น โดยการแย่งเฉดตามแนวยาวลงมาจากด้านบนโดยชัดเจน โดยการนำสีสว่างไว้ทางด้านหน้า เพื่อจะทำให้ด้านหน้าของสาวๆนั้นดูสว่างขึ้น ตามก้วยสีเข้มและสีผสม ทำให้เส้นผมเมื่อปล่อยลงมา จะดูมีมิติมากยิ่งขึ้นคล้ายกับมีไฮไลและโลวไลอยู่บนเส้นผม
เป็นยังไงกันบ้างจ้า....สำหรับเทคนิคการทำสีผมไม่ให้ดูน่าเบื่อทำออกมาแล้วสวยปังเหมือนเหล่าเซเลป ดาราที่แอดมินนำมาฝากสาวๆเอมิตี้ในวันนี้